19 ส.ค. 2563

Hdi lao(ไห่ตี่เลา)


           Hdi lao


Hdi lao (ก่อนหน้านี้คนไทยหลายคนอ่านว่า ไฮไดเหลา แต่จริงๆ แล้วเอกสารของทางร้านอ่านว่า “ไห่ตี่เลา” นะครับ) เป็นร้านชาบูฮ็อตพอตสัญชาติจีนที่เพิ่งมาเปิดสาขาแรกที่ประเทศไทย ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 7 ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงชื่อร้านนี้ นอกจากเรื่องความดังและคุณภาพของวัตถุดิบอาหารแล้ว หลายคนจะคิดถึงว่าเป็นร้านที่ต้องรอคิวในการกินนานนนนน มาก (บางคนรอ 4-6 ชั่วโมงเลยก็มี!) แต่การรอนั้นต้องบอกเลยว่าไม่เสียเปล่าจริงๆ เพราะระหว่างรอจะมีขนมมาให้ทานแก้เบื่อ และมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมายจนแทบไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย …ในโพสต์นี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การไปทาน Hai di lao สาขา Cental World มาฝากครับ

ข้อมูลร้าน Hai di lao สาขา Cental World

  • อยู่ชั้น 7 โซน Isetan
  • เปิดบริการ 10:00 น. – 03:00 น.

ก่อนจะไปผมก็ทำการบ้านมาเล็กน้อยครับ ว่าทำยังไงถึงจะให้รอคิวไม่นาน ได้สรุปคร่าวๆ ว่า ถ้าอยากได้คิวเร็วๆ ให้ไปให้ทันรับ 100 คิวแรกตั้งแต่ตอนห้างเปิด! เพราะร้านนี้เขาจะแจกบัตรคิววันละ 2 ช่วงเท่านั้น คือ ตอน 10:00 น. (ห้างเปิด) และตอน 16:00 น. ช่วงละ 100 คิว

ผมนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปลงสถานีชิดลมตอน 09:50 น. กว่าจะเดินออกจากสถานีมาที่ประตูทางเข้าห้างฝั่ง Isetan (ฝั่งเดียวกับที่ติดกับห้างแพลทินั่ม) ก็ราวๆ 09:55 น. เรียกว่ามาได้พอดิบพอดีก่อนห้างเปิดเล็กน้อย สังเกตที่ประตูทางเข้ามาคนมารอพอสมควร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มารอ Hai di lao หรอก…

สำหรับคนที่กลัวหลงแผนผังบันไดเลื่อนและชั้นต่างๆ ของเซ็นทรัลเวิลด์ แนะนำให้ไปรอที่ประตูลิฟต์ (ไม่ใช่ลิฟต์ตรงกลางห้างนะครับ) ซึ่งอยู่ถัดจากประตูทางเข้าปกติไปอีกนิดครับ มีลิฟต์ให้ขึ้น 6 ตัวเลยทีเดียว (แนะนำให้มาทางนี้ คนน้อย และขึ้นตรงไปที่ชั้น 7 ฝั่งที่ใกล้ที่สุดกับร้านได้ทันทีครับ)

ผมมาถึงร้านตอนนั้นมีคนมารออยู่น้อยมากครับ แต่คนที่วิ่งตามมาข้างหลัง (ซึ่งคาดว่าจะมาทางบันไดปกติกัน) มีอีกเป็นสิบๆ เลยแหล่ะครับ (ดังนั้น เคล็ดที่เหมือนจะไม่ลับของผมก็คือ ให้มาทางลิฟต์นั่นเองครับ!)

มาถึงก็เจอป้ายบอกว่า หากได้คิวที่ 21-40 อาจใช้เวลารอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว สาเหตุเพราะ ร้านจะเปิดให้ลูกค้าเข้าไปทานเซ็ตละประมาณ 20 โต๊ะเท่านั้นครับ

ตอนแรกผมก็สงสัยว่าที่ร้านมีโต๊ะน้อยหรอถึงรับได้ทีละ 20 โต๊ะ แต่พอได้เข้าไปจริงๆ ก็พบว่าภายในร้านมีพื้นที่กว้างมากครับ คะเนด้วยสายตาแล้วน่าจะมีอยู่ราวๆ 40-60 โต๊ะเลยทีเดียว แต่ที่เปิดให้เข้าไปทีละ 20 โต๊ะ น่าจะเป็นเพราะทางร้านต้องการดูแลลูกค้าให้ทั่วถึงมากกว่า (คิดดูหากเปิดให้เข้าพร้อมกัน 50 โต๊ะ จะวุ่นวายขนาดไหน…อันนี้พอเข้าใจได้ครับ)

เมื่อจองคิวกับพนักงานแล้ว จะได้รับสลิปบัตรคิว และ SMS แจ้งในโทรศัพท์ของเราด้วยครับ ผมได้คิวที่ 6

พร้อมรับใบเมนูอาหาร เอาไว้ให้ดูคร่าวๆ ก่อนเข้าไปที่ร้านด้วยครับ

ถึงแม้ผมจะได้คิวที่ 6 แต่พนักงานก็ยังไม่ให้ได้เข้าร้านทันทีนะครับ จะเชิญเรามานั่งที่จุดรอคิวก่อน ซึ่งจุดสำหรับรอคิวนั้นก็จะเป็นชุดโต๊ะพร้อมเก้าอี้แบบในภาพครับ

มานั่งได้ไม่นานจะมีพนักงานมาเสิร์ฟน้ำ ขนม ผ้าร้อน และไพ่ UNO สำหรับให้เล่นแก้เหงา

หากน้ำ/ขนมที่พนักงานมาเสิร์ฟยังไม่พอสามารถเดินไปตักเองได้อีกครับ เรียกว่ายิ่งรอนานยิ่งได้กินขนมจนเกือบจะอิ่มเลยทีเดียว ซึ่งน้ำ/ขนมในจุดที่รอคิวนี้ บริการฟรีครับ ไม่มีการคิดเงินใดๆ

 

นอกจากบริการขนมระหว่างรอคิวแล้ว ยังมีบริการทำเล็บ สำหรับคุณผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งระหว่างรอสามารถไปจองคิวทำเล็บได้ผ่านแท็บเล็ตครับ

แน่นอนว่าการจองคิวทำเล็บจะมีการส่ง SMS มาแจ้งทางมือถือเช่นเดียวกัน

ผมรอมาเกือบ 10 นาทีแล้ว พนักงานยังไม่เรียกเข้าไปนั่งในร้าน คุณผู้หญิงก็ทำเล็บกันไป สนุกสนาน

อีกสักครู่… พนักงานก็เริ่มกดเรียกคิวเข้าไปทานอาหารทีละคิวๆ (แต่ละคิวเว้นช่วงราวๆ 3-5 นาทีได้ ไม่ได้เรียกติดๆๆ กันนะครับ) จนถึงคิวของผม พนักงานนำแท็บเล็ตมาให้สั่งอาหาร ซึ่งเราจะเป็นคนกดสั่งเองผ่านทางแท็บเล็ตครับ ซึ่งแต่ละโต๊ะจะมีพนักงานคอยดูแลให้แบบใกล้ชิดมากครับ เท่าที่สังเกตุ พนักงาน 1 คนจะดูแลลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้น

 

ระหว่างรอสั่งอาหารก็จะมีผลไม้สดมาเสิร์ฟให้อีก …ฟรีครับ แถมถ้าหมดแล้วสามารถขอหรือเดินไปตักเองได้ด้วย ไม่คิดเงิน

โต๊ะทานอาหารมีจุด Wireless Charger สำหรับใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายได้ด้วยครับ

เท่านี้ยังไม่พอ เมื่อพนักงานเห็นว่าผมเอามือถือขึ้นมา ก็นำถุงพลาสติกมาให้ บอกว่าสำหรับป้องกันน้ำซุปหรืออาหารกระเด็นใส่มือถือ พร้อมผ้ากันเปื้อน และถ้าเป็นผู้หญิงผมยาวก็จะมียางมัดผมให้ด้วย

แท็บเล็ตสำหรับสั่งอาหาร มีทั้งภาษาไทย อังกฤษ และภาษาจีน ครับ ซึ่งภาษาไทยบอกตรงๆ ว่าเหมือนยังแปลไม่ค่อยดีเท่าไร บางจุดดูใช้ภาษาขัดๆ แต่โดยรวมแล้วยังพอรู้เรื่องครับ

สั่งอาหารเสร็จแล้ว พนักงานแนะนำให้เดินไปดู/ไปตักน้ำจิ้มกันได้ครับ…

…ก่อนที่จะไปดูน้ำจิ้ม มาทำความเข้าใจคอนเซ็ปสำคัญของร้านนี้กันก่อนครับ ว่า Hai di lao ไม่ใช่ร้านอาหารแบบบุฟเฟต์นะครับ นอกจากน้ำ ขนมและผลไม้ ที่ให้ทานเล่นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างคิดเงินหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น น้ำซุปสำหรับที่ใส่ในหม้อชาบู หรือจะเป็นน้ำจิ้ม ล้วนคิดราคาทั้งสิ้น ซึ่งน้ำจิ้มนั้นคิดราคาเหมาที่หัวละ 45 บาทครับ

น้ำจิ้มที่นี่มีให้เลือกผสมเยอะและหลากหลายมากครับ สามารถเลือกผสมและตักได้แบบบุฟเฟต์เลย (หัวละ 45 บาท)

เมื่อได้เห็นวัตถุดิบสำหรับผสมน้ำจิ้มเยอะ ผมไม่รู้จะเลือกอันไหนเลยขอให้พนักงานแนะนำสูตรให้ที พนักงานเลยจัดเป็นน้ำจิ้มสูตร หม่าล่าให้ครับ โดยเลือกวัตุดิบมาดังนี้

จากนั้นราดดับน้ำซุปหม่าล่าไปอีกที กลายเป็นน้ำจิ้ม

รอไม่นาน พนักงานก็นำหม้อชาบู พร้อมน้ำซุปที่เราเลือกมาให้ที่โต๊ะครับ โดยหม้อชาบูมีแบบให้เลือกตั้งแต่ 1-4 ช่องเลยครับ (แต่ละแบบก็จะคิดราคาต่างกันออกไป)

อาหารที่สั่งเริ่มมาส่งแล้วครับ… เริ่มจาก ชุดทะเลรวม 361 บาท

ผ้าขี้ริ้ววัว 200 บาท

เนื้อหมูติดมัน 120 บาท

หมู/เนื้อสไลด์ 65-75 บาท

ราคาเครื่องดื่ม คร่าวๆ

  • น้ำอัดลม กระป๋องละ 28 บาท
  • น้ำเปล่าเย็น ขวดละ 20 บาท
  • น้ำมะพร้าวสด 63 บาท
  • ไวตามิล 23 บาท

ส่วนน้ำเปล่าธรรมดามีบริการให้ฟรีครับ สำหรับคนชอบทานน้ำเย็นไม่มีน้ำแข็งมาให้เริ่มต้นนะครับ ต้องร้องขอพนักงาน (ซึ่งจะไปกดมาให้ฟรีเช่นกัน)

เบียร์

กิมมิกของร้านนี้ แนะนำให้สั่ง “บะหมี่กังฟู” ครับ เพราะตอนนำบะหมี่มาเสิร์ฟ จะนำมาเสิร์ฟกันแบบนี้เลย ราคาบะหมี่ 30 บาท …คุ้มค่าเลยครับ


omagase

                               

โอมากาเสะ คืออะไร

Cr: Lou Stejskal

โอมากาเสะ คือ วิถีการกินแบบตามใจเชฟ หรือ Chef’s Table นั่นเอง ในภาษาญี่ปุ่นคำว่า Omakase (お任せ) นั้นหมายถึง ‘ตามใจเชฟ’ นั่นคือการรับประทานอาหารโดยที่เราไม่ได้เลือกเมนูเอง แต่ละเมนูที่เสิร์ฟเชฟจะเป็นคนจัดให้เรา

Cr: City Foodsters

ใน โอมากาเสะ หนึ่งชุด จะประกอบด้วยเมนูหลากหลาย ซึ่งแต่ละเมนูจะปรุงจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละวัน โดยเชฟจะรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูสุดเซอร์ไพรซ์เสิร์ฟให้ได้อร่อยกัน และในแต่ละวันเมนูก็จะไม่เหมือนกัน หากติดใจก็ขึ้นอยู่กับแต้มบุญแล้วว่าจะได้กินอีกหรือไม่

เมนูใน โอมากาเสะ

Cr: City Foodsters

ส่วนมาก ซูชิมักจะเป็นพระเอกในโอมากาเสะ ทว่าไม่ได้มีแค่ซูชิ เพราะอาจจะมี ซาชิมิ เมนูเด็ดๆ ของเชฟ ซุป ของหวานในคอร์ส ซึ่งลำดับการเสิร์ฟจะเรียงตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด

Cr: City Foodsters

ทีนี้หลายคนอาจสงสัย ว่าถ้าเกิดถูกใจเมนูที่เพิ่มเติมจะสามารถสั่งได้หรือไม่ อันนั้นก็แล้วแต่ร้าน แต่ส่วนมากก็สามารถสั่งเพิ่มได้ซึ่งการสั่งแบบตามใจฉันนั้นเรียกว่า โอะโคะโนมิ (Okonomi) ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับการสั่งซูชิกินในร้านทั่วไปเช่นเดียวกัน เพียงแต่ในร้านโอมากาเสะ คุณจะไม่ทราบว่าแต่ละเมนูนั้นราคาเท่าไหร่ เรียกได้ว่าต้องวัดดวงกับความแพง จึงไม่ค่อยนิยมสั่งเพิ่ม

Cr: cityfoodsters

3ราคาของ โอมากาเสะ

Cr: City Foodsters

แน่นอนว่ารูปแบบ โอมากาเสะ นั้น ย่อมมีราคาแพงกว่าการสั่งซูชิ หรืออาหารเป็นเซ็ตตามร้าน หรือการเลือกจากเมนูที่เราจะรู้ว่าแต่ละชิ้นนั้นราคาเท่าไหร่ ทว่า ร้าน โอมากาเสะ ก็ไม่ได้มีแต่แบบที่ราคาแพงระยับ อย่างที่หลายคนเข้าใจ ราคาของโอมากาเสะ นั้นมีตั้งแต่ 3,000-30,000 เยน ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพ ระดับของร้าน

Cr: City Foodsters

ทางร้านนั้นจะแจ้งราคาของโอมากาเสะก่อนคุณเข้าใช้บริการ ทว่าจะไม่ได้บอกว่าแต่ละเมนูนั้น ราคาเท่าไหร่ ดังนั้น การสั่งอะไรเพิ่มเติมเป็นอะไรที่ต้องเสี่ยงดวง ถ้างบไม่ได้มีเหลือมาก แนะนำให้กินเท่าที่เขาจัดให้จะเซฟที่สุด

4ข้อควรรู้เกี่ยวกับโอมากาเสะ

Cr: Lou Stejskal

1. ร้านโอมากาเสะ มักเป็นร้านที่รับลูกค้าได้จำกัดต่อวัน จะแบ่งเป็นรอบๆ คุณจะได้เห็นกรรมวิธีสร้างสรรค์เมนูของเชฟแบบใกล้ชิดติดขอบ เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่เรียกน้ำย่อยระหว่างรอได้ดีทีเดียว

Cr: City Foodsters

2. ส่วนมากร้านแบบนี้ต้องจองก่อนเข้าใช้บริการ และถ้าคุณมีอาหารอะไรที่แพ้หรือไม่ชอบสามารถแจ้งได้ในขั้นตอนนนี้ ส่วนอีกหนึ่งขั้นตอนที่จะบอกว่าเราไม่รับประทานอะไรให้แจ้งอีกครั้งตอนที่เชฟโชว์วัตถุดิบที่จะใช้ ก่อนปรุงให้กิน

Cr:Lou Stejskal

3. ด้วยความที่ลูกค้าน้อยและค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น ก่อนจะถ่ายวิดีโอต้องเช็คกฏเกณฑ์ทางร้านว่าอะไรที่ทำได้บ้าง แต่หลักๆ เลยคือรับประทานทันทีหลังเสิร์ฟ เพราะบางเมนูถ้ารับประทานช้ารสชาติจะเสียไป

Cr: Lou Stejskal

4. เนื่องจากโอมากาเสะ คือสุนทรียภาพแห่งการรับประทาน ดังนั้นไม่ควรใส่น้ำหอมจัดเต็มแบบรุนแรง เพราะกลิ่นอาจไปรบกวนการลิ้มรส บางร้านอาจมีข้อกำหนดเรื่องกลิ่น ให้ศึกษาก่อนจอง

Cr: loustejskal

5. ถ้าไม่ได้แพ้อาหาร แม้เป็นวัตถุดิบที่ไม่ชอบก็ขอให้ลอง เพราะคุณอาจเปลี่ยนใจรักเลยแหละ

Cr: Lou Stejskal

6. อย่าเติมวาซาบิและซอสเยอะเพราะจะไปกลบกลิ่นและความอร่อยของวัตถุดิบ

ข้อสรุป

โอมากาเสะ คืออะไร ตอนนี้หลายคนคงได้คำตอบแล้ว ได้ไปญี่ปุ่นทั้งทีก็ลองชิมดูได้เพราะมีหลายราคาให้เลือก ครั้งหน้าเราจะนำเสนอข้อมูลร้านโอมากาเสะ ที่น่าลิ้มลองมาฝากกัน

13 ส.ค. 2563

copper buffet

Review] Copper บุฟเฟ่ต์นานาชาติ ระดับโคตรคุ้ม จัดเต็มคุณภาพ บริการเลิศ

บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ

   

Copper International Buffet (คอปเปอร์) เป็นร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติอันดับต้นๆ เชื่อว่าหากกล่าวถึงร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติในใจกันแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้นร้าน “Copper International Buffet” กันแน่นๆ ใช่ไหมล่ะครับ (ภพ เองก็เช่นกัน) ซึ่งมักถูกนึกถึงเป็นร้านแรกๆ และยังเป็นที่กล่าวถึงอย่างไม่ขาดปากว่าเป็นร้านบุฟเฟต์นานาชาติคุณภาพ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ และ พลิกโฉมหน้าใหม่ในหลาย ๆ ด้านให้กับวงการบุฟเฟต์เมืองไทยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคุณภาพของอาหาร และการบริการที่เหนือชั้น แตกต่าง และล้ำหน้าไปมากกว่าที่อื่นๆ ซึ่ง ภพ เองเคยไปใช้บริการมาแล้ว ในช่วงเปิดร้านใหม่ช่วงแรกๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างนั้น และในครั้งนี้หลังจากผ่านเวลานั้นมาหลายปีรสชาติ การบริการ บรรยากาศ ระดับ 5 ดาว "อร่อยคุ้มค่าแบบมีระดับ ที่คอปเปอร์บุฟเฟต์"

รอบเวลาให้บริการ Copper Buffet

ราคา 999 baht net (จำกัดเวลา 2 ชั่วโมง)

วันจันทร์ – พุธ มี 3 รอบ

  • 16.00 – 18.00 น.
  • 18.00 – 20.00 น.
  • 20.00 – 22.00 น.

วันพฤหัส – อาทิตย์ มี 4 รอบ

  • 11.00 – 13.00 น.
  • 13.30 – 15.30 น.
  • 17.00 – 19.00 น.
  • 19.30 – 21.30 น.
🦐🥘🍱 บัตรสมาชิกร้าน Copper Buffet บุฟเฟ่ต์พรีเมียม หอยนางรม ...
มีสิทธิพิเศษมากมาย

Membership card

สำหรับคนที่มีบัตรสมาชิก Copper Buffet ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เราสามารถเลือกได้ว่าอยากรับเป็น promotion ไหน เช่น เลือกรับเป็นส่วนลดค่าอาหาร หรือ จะรับเมนูโปรโมชั่น  ซึ่งในแต่ละเดือน แต่ละเทศกาลทางร้านจะมีจัดเมนูโปรโมชั่นแตกต่างกันไป  แนะนำว่าเข้าไปดูอัพเดทโปรโมชั่นกันได้ที่ Line@ Copper Buffet 

Buffet line 

ไลน์บุฟเฟ่ต์ปกติของที่คอปเปอร์  ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารแบบ a la minute หรือปรุงสดใหม่จานต่อจาน  เวลาออเดอร์ก็บอกจำนวนและเบอร์โต๊ะที่เรานั่งอยู่ให้กับน้องพนักงาน แล้วเค้าจะยกมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ  แต่ก็จะมีบางไอเท็มที่เราสามารถตักได้เองเลยจากในไลน์

มีทั้งหอยนางรม กุ้ง หมึก แซลมอน ล็อบสเตอร์และอื่นๆมากมาย

Seafood on ice

หอยนางรมสด ซึ่งสดมาก เนื้อหวานธรรมชาติ มีน้ำจิ้มให้เลือกหลายแบบรวมถึงเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น น้ำจิ้มซีฟู้ด shallot vinegar น้ำพริกเผา กระถิน หอมเจียว มะนาว

สุดยอดกิวต้องที่นี้เลย>o<

Grill station

มุมอาหารย่าง  มีสเต็กเนื้อวากิว สั่งความสุกได้ตามต้องการ มีสเต็กปลาแซลมอน พอร์คช็อป และเมนูใหม่ล่าสุด Marinated Chicken Breast with Lemongrass Miso Cream Sauce อกไก่หมักจนนุ่มเสิร์ฟพร้อมซอสมิโซะตะไคร้  ซอสกลิ่นหอมสดชื่นข้าง ๆ กันเป็นเตาสำหรับย่างกุ้งโดยเฉพาะเลย  กุ้งแม่น้ำย่างของที่คอปเปอร์ขึ้นชื่อว่า สดมาก เนื้อแน่น แกะเปลือก เอาเนื้อกุ้งจิ้มซีฟู้ด  ตามด้วยเอาช้อนตักมันกุ้งออกจากหัวกุ้งใส่น้ำจิ้ม seafood กินตามเข้าไป คือฟิน

Soup

ตอนนี้มีซุปแบบใหม่มาวางที่ไลน์แทนซุปมิโซะ  นั่นก็คือ ซุปข้าวโพดหวานที่ไม่ธรรมดาเพราะด้านบนโปะด้วยแป้งพัฟเพสตรี้กรอบ ๆ อยากรู้ว่ากรอบแค่ไหน ฟูเบาเพียงใด จะได้ยินเสียงเลยSignature soup ของที่นี่คือ Truffle cream soup ซุปครีมเห็ดทรัฟเฟิล เข้มข้น หอมมัน อร่อย

ซูชิเนื้อวากิว
ซาชิมิแซลมอน

Japanese food

มุมอาหารญี่ปุ่น  ถ้าเป็นซาชิมิ สั่งกับเชฟแล้วรอรับได้เลย  แต่ถ้าเป็นจำพวกซูชิ เลือก sushi ที่อยากกินพร้อมแจ้งจำนวนคำและเบอร์โต๊ะ เค้าจะมาเสิร์ฟให้ มีซูชิให้เลือก 5 แบบ ทั้งแซลมอนไซเกียว ซูชิวากิว โรลแซลมอน Sexy roll และไข่หวานสลัดปูอัดซึ่งเป็นซูชิที่ดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา  กินแล้วสดชื่นมาก อยากให้ลอง

แซ่บอีหลี

Somtum 

ส้มตำ มีทั้ง ตำไทย ตำปู ปูปลาร้า ไข่เค็ม สั่งได้เลย

Pasta station

มุมนี้สั่งพาสต้าได้หลายแบบเลย ไม่ว่าจะเป็น สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่า สปาเก็ตตี้วากิว สปาเก็ตตี้ผัดพริกกระเทียมเบคอน สปาเก็ตตี้เส้นดำซีฟู้ด และ Cheese wheel pasta  บุ๊งชอบตรงที่เค้าทำพาสต้าจานต่อจาน ไม่ได้ผัดมากระทะใหญ่ ๆ แล้วทิ้งไว้ในถาดให้ตักเอง

เพิ่มคำบรรยายภาพ

Thai food

ขาหมูพะโล้ แกงเขียวหวานไก่ ไก่ย่างราดซอสบาร์บีคิว ไส้กรอกหมู ปลาดอรี่นึ่งพริกมะนาว ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ อีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดเมื่อมากินที่นี่  ตัวเส้นจะหนึบ ๆ หน่อย ปรุงรสมาเรียบร้อย ควรชิมก่อนปรุง ปกติบุ๊งจะแค่บีบมะนาว คลุกเคล้าแล้วกินเลย ก๋วยเตี๋ยวเรือ น้ำตก มีทั้งหมู และ เนื้อ เป็นเมนูที่ทุกคนที่มากินที่ Copper จะบอกว่า อร่อย ห้ามพลาด  ตอนนี้มีไข่ออนเซ็นด้วย 



Desserts

ขนมหวานไปสั่งได้ที่เคานเตอร์ มีหลายอย่าง เช่น เค้กช็อคโกแลตลาวา Panna Cotta โมจิลาวาไข่เค็ม Honey Toast วาฟเฟิล Creme Brulee ไอศกรีมหลากรส 

นี่คือเมนูที่มีอยู่ในไลน์อาหารปกติของ คอปเปอร์บุฟเฟ่ต์  ยังไม่รวมเมนูพรีเมียมพิเศษ ที่จัดโปรโมชั่นในช่วงเวลาต่าง ๆ ของปี